283 จำนวนผู้เข้าชม |
จำนวนเงินความคุ้มครอง
การทำประกันสุขภาพในแต่ละแผน จะสามารถเลือกเพิ่มหรือลดความคุ้มครองได้ตามความเสี่ยงของแต่ละบุคคล โดยจะแบ่งความคุ้มครองออกเป็นทั้งหมด 7 กรณี ได้แก่
1. กรณีเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน (IPD) โดยให้ความคุ้มครองทั้งอาการเจ็บป่วยและจากอุบัติเหตุ ครอบคลุมทั้งค่าบริการทั่วไป ค่ารักษาพยาบาล ค่าห้อง ค่าอาหาร และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลฉุกเฉินอันเนื่องมาจากอุบัติเหตุ
2. กรณีผ่าตัด ให้ความคุ้มครองค่าใช้จ่ายจากการผ่าตัด และค่าปรึกษาแพทย์
3. กรณีรักษาดูแลโดยแพทย์ ทั้งการเข้าดูอาการ และการให้คำปรึกษาความเชี่ยวชาญเฉพาะโรค
4. กรณีเข้ารักษาในฐานะผู้ป่วยนอก (OPD) คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลจากการมารักษาตัวที่คลินิกหรือแผนกผู้ป่วยนอกของโรงพยาบาล ซึ่งไม่ต้องเข้าพักรักษาตัวในโรงพยาบาล
5. กรณีคลอดบุตร ครอบคลุมการคลอดบุตรตามปกติ การผ่าท้องนอกมดลูก โดยมีระยะเวลาการรอคอยเฉลี่ย 280 วัน
6. กรณีรักษาฟัน หรือเข้ารับบริการทันตกรรม ครอบคลุมการถอนฟัน ผ่าฟันคุด รักษาเงือก ขูดหินปูน ตรวจฟัน เอกซเรย์ฟัน รักษารากฟัน การใส่ฟันปลอมถอดได้ชนิดฐานและโครงพลาสติก
7. กรณีใช้บริการพยาบาลพิเศษ ทั้งขณะอยู่โรงพยาบาลและหลังจากการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
นอกจากนี้ยังมีความคุ้มครองกรณีเป็นโรคร้ายแรงหรือมีค่าใช้จ่ายสูง ที่จะต้องทำการรักษาอย่างต่อเนื่อง และมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง ซึ่งแต่ละคนอาจจะเลือกความคุ้มครองที่แตกต่างกันออกไป ค่าเบี้ยประกันก็จะถูกกว่า เราจึงต้องเช็คเบี้ยประกันสุขภาพให้ดีว่าราคาเท่านี้คุ้มครองอะไรบ้าง
อายุ
หนึ่งสิ่งที่ทำให้ค่าเบี้ยประกันแตกต่างกันก็คือ อายุของผู้ทำประกัน อายุที่มีค่าเบี้ยประกันถูกที่สุด คือ ช่วงอายุ 20-40 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายเติบโตเต็มที่และมีความสมบูรณ์แข็งแรงมากที่สุด ส่วนอายุแรกเกิดจนถึงประมาณ 6 ปี และอายุ 50 ปีขึ้นไป จะเป็นช่วงเวลาที่เบี้ยประกันค่อนข้างสูง เนื่องจากเป็นวัยที่มักเจ็บป่วยอยู่เสมอนั่นเอง
เพศ
เพศหญิงและเพศชาย แม้ว่าจะอายุเท่ากัน แต่ผู้หญิงมักจะต้องจ่ายเงินค่าประกันสุขภาพที่สูงกว่าเสมอ โดยผู้หญิงมีแนวโน้มที่จะเจ็บป่วยมากกว่า และต้องอาศัยเวลาการพักฟื้นที่นานกว่าผู้ชายนั่นเอง
สุขภาพส่วนตัว
เมื่อทำประกันสุขภาพ การตอบคำถามสุขภาพเกี่ยวกับประวัติการรักษาพยาบาล โรคประจำตัว สภาพร่างกาย หรือความเสี่ยงต่อโรคภัยไข้เจ็บ ที่เป็นตัวกำหนดค่าเบี้ยประกันสุขภาพเช่นเดียวกัน และบางครั้งทางบริษัทประกันอาจจะไม่คุ้มครองโรคภัยไข้เจ็บบางโรคที่ผู้ทำประกันมีความเสี่ยงสูง ซึ่งหากบริษัทประกันคุ้มครองโรคดังกล่าว เมื่อทำการเช็คเบี้ยประกันสุขภาพ ก็จะพบว่าจะมีราคาที่สูงกว่าคนอื่น ๆ
อาชีพ
สิ่งหนึ่งที่เมื่อเราเช็คเบี้ยประกันสุขภาพแล้วพบว่า มีผลต่อค่าเบี้ยประกันอย่างที่คาดไม่ถึงก็คือ อาชีพ โดยบริษัทประกันจะแบ่งอาชีพต่าง ๆ ออกเป็นกลุ่มทั้งหมด 4 ชั้น เรียงตามความเสี่ยงด้านสุขภาพและความเจ็บป่วยที่แตกต่างกันออกไป
อาชีพชั้น 1 เป็นอาชีพที่ทำงานประจำในสำนักงาน
อาชีพชั้นที่ 2 เป็นอาชีพที่ทำงานกลางแจ้ง
อาชีพชั้นที่ 3 เป็นอาชีพที่เกี่ยวกับงานช่าง
อาชีพชั้นที่ 4 เป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงสูงเป็นพิเศษ
การดำเนินชีวิต
นอกจากที่กล่าวมาทั้งหมดแล้ว ไลฟ์สไตล์ของแต่ละคนก็มีผลต่อเบี้ยประกันสุขภาพเช่นเดียวกัน คนที่ดูแลสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ ไม่ดื่มเหล้า ไม่สูบบุหรี่ จะมีค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่ถูกกว่าคนที่สูบบุหรี่ หรือดื่มเหล้า เบียร์ เป็นประจำ
สำหรับใครที่สนใจจะสมัครสมาชิกกับศรีกรุงโบรคเกอร์ สามารถสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ได้ที่เว็บไซต์ www.srikrungmentor.com หรือแอดไลน์มาที่ @srikrungmentor เพียงกดเพิ่มเพื่อนที่ https://lin.ee/5hl2T56 หรือติดต่อสมัครสมาชิกศรีกรุงสาขาปทุมธานี ดีดีศูนย์รวมประกันภัย รังสิตคลองสาม โทร080-2951830 / 080-2956052 /061-8235619