273 จำนวนผู้เข้าชม |
ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่รถยนต์หรือตัวผู้ใช้งานรถยนต์ แล้วมีการแจ้งความประสงค์ที่จะขอเคลมเพื่อเรียกร้องเงินชดเชยค่าเสียหายตามขอบเขตความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ที่ซื้อเอาไว้ แต่ถ้าเกิดว่ามีการยื่นเคลมบ่อยเกินไป ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทฯ ได้ ทำให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ต้องให้ความเป็นธรรมกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ด้วย เพื่อช่วยป้องกันไม่ให้บริษัทฯ ถูกเอาเปรียบจากลูกค้ามากจนเกินไป
เคลมประกันรถยนต์แบบไหนที่เรียกว่าบ่อย?
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางประกันฯ จะพบกับลูกค้าหัวใสหลาย ๆ คนที่ทำเรื่องขอเคลมบ่อยครั้ง จนได้รับเงินชดเชยเกินขอบเขตของเบี้ยประกันรถยนต์ที่ชำระ โดยที่ทางประกันรถยนต์ไม่สามารถทำการพิสูจน์ได้ว่าร่องรอยความเสียหายที่ปรากฏอยู่บนรถยนต์นั้น เป็นความเสียหายที่มาจากการโดนกระทำจริงหรือไม่ กล่าวคือ มีหลักฐานน้อยเกินที่จะสรุปสาเหตุความเสียหายได้ จึงมีคนที่อาศัยช่องโหว่ตรงนี้มาขอเคลมประกันบ่อย ๆ เพื่อรับเงินคุ้มครองนั่นเองหากถามว่าต้องขอเคลมมากแค่ไหนถึงเรียกว่าบ่อย กล่าวคือ การเคลมบ่อย ๆ ถึงขั้นสุดที่เรียกได้ว่า ขอเคลมประกันจนติด Black List หมายความว่า ขอเคลมเกิน 200% ของเบี้ยประกันภัยต่อปี แบบที่ผู้ขอเคลมเองไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ ยกตัวอย่างเช่น ขับรถชนกระถางต้นไม้ หรือมีวัตถุตกกระแทกรถ ต้องซ่อมสี ซ่อมรอยบุบ โดยทำประกันรถไว้ 10,000 บาท แต่ซ่อมสีซ่อมทุกอย่างเกิน 2 ล้านบาท หากเจอกรณีแบบนี้ ทางบริษัทฯ จะไม่รับทำประกันรถยนต์ต่อในปีหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งในความเป็นจริงการอนุมัติวงเงินให้เคลมเกิน 200% มีความเป็นไปได้น้อยมาก
เคลมประกันบ่อย ประกันรถยนต์มีสิทธิปฏิเสธการต่ออายุ
หากเจอผู้ขอเคลมประกันบ่อยเกินไป กรณีแบบนี้ ทางบริษัทประกันเจ้าเดิมมีสิทธิ์ที่จะไม่ต่ออายุให้ผู้ที่เรียกเคลมสินไหมเกิน 200% แบบระบุคู่กรณีไม่ได้ตามที่กล่าวข้างต้น
เคลมประกันรถยนต์แบบไหนที่เรียกว่าบ่อย?
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางประกันฯ จะพบกับลูกค้าหัวใสหลาย ๆ คนที่ทำเรื่องขอเคลมบ่อยครั้ง จนได้รับเงินชดเชยเกินขอบเขตของเบี้ยประกันรถยนต์ที่ชำระ โดยที่ทางประกันรถยนต์ไม่สามารถทำการพิสูจน์ได้ว่าร่องรอยความเสียหายที่ปรากฏอยู่บนรถยนต์นั้น เป็นความเสียหายที่มาจากการโดนกระทำจริงหรือไม่ กล่าวคือ มีหลักฐานน้อยเกินที่จะสรุปสาเหตุความเสียหายได้ จึงมีคนที่อาศัยช่องโหว่ตรงนี้มาขอเคลมประกันบ่อย ๆ เพื่อรับเงินคุ้มครองนั่นเองหากถามว่าต้องขอเคลมมากแค่ไหนถึงเรียกว่าบ่อย กล่าวคือ การเคลมบ่อย ๆ ถึงขั้นสุดที่เรียกได้ว่า ขอเคลมประกันจนติด Black List หมายความว่า ขอเคลมเกิน 200% ของเบี้ยประกันภัยต่อปี แบบที่ผู้ขอเคลมเองไม่สามารถระบุคู่กรณีได้ ยกตัวอย่างเช่น ขับรถชนกระถางต้นไม้ หรือมีวัตถุตกกระแทกรถ ต้องซ่อมสี ซ่อมรอยบุบ โดยทำประกันรถไว้ 10,000 บาท แต่ซ่อมสีซ่อมทุกอย่างเกิน 2 ล้านบาท หากเจอกรณีแบบนี้ ทางบริษัทฯ จะไม่รับทำประกันรถยนต์ต่อในปีหน้าอย่างแน่นอน ซึ่งในความเป็นจริงการอนุมัติวงเงินให้เคลมเกิน 200% มีความเป็นไปได้น้อยมาก
เคลมประกันบ่อยเกิน ประกันรถยนต์มีสิทธิ์ปฏิเสธการต่ออายุ
หากเจอผู้ขอเคลมประกันบ่อยเกินไป กรณีแบบนี้ ทางบริษัทประกันเจ้าเดิมมีสิทธิ์ที่จะไม่ต่ออายุให้ผู้ที่เรียกเคลมสินไหมเกิน 200% แบบระบุคู่กรณีไม่ได้ตามที่กล่าวข้างต้น
สำหรับใครที่สนใจจะสมัครสมาชิกกับศรีกรุงโบรคเกอร์ สามารถสมัครสมาชิกศรีกรุงโบรคเกอร์ได้ที่เว็บไซต์ www.srikrungmentor.com หรือแอดไลน์มาที่ @srikrungmentor เพียงกดเพิ่มเพื่อนที่ https://lin.ee/5hl2T56 หรือติดต่อสมัครสมาชิกศรีกรุงสาขาปทุมธานี ดีดีศูนย์รวมประกันภัย รังสิตคลองสาม
โทร080-2951830 / 080-2956052 /061-8235619